ตัวอย่างการใช้งาน NFC

ตัวอย่างการใช้งาน NFC

ในบทความนี้ เราจะยกตัวอย่าง การใช้ NFC เป็นตัว Trigger การทำงาน Routine ต่างๆ ด้วย SmartPhone และเราจะขอใช้ iPhone เป็นตัวอย่าง ในบทความนี้ครับ

ตัวอย่างการใช้ NFC Tags กับ Facebook Instagram แทนนามบัตร

เราสามารถใช้ App NFC Tools ในการเขียนข้อมูลเล็กๆ ลงใน NFC Tags ได้ ตัวอย่างข้อมูลเช่น

  1. URL เว็บไซต์
  2. Social Network Links (Facebook, Instagram etc.)
  3. รหัส WiFi
ซึ่งเราสามารถนำวิธีการนี้ มาประยุกต์ใช้ เพื่อให้ NFC Tags ทำหน้าที่แทนนามบัตร นั่นก็คือ เมื่อมีคนเอามือถือแตะที่ NFC Tags ของเรา จะเป็นการเปิด Facebook หรือ Instagram ของเราขึ้นมานั่นเอง
ตัวอย่างการใช้ NFC Tag กับ Facebook Instagram แทนนามบัตร

โดยขั้นตอนง่ายๆ มีดังนี้

  1. Download App NFC Tools
  2. เลือก Write
  3. เลือก Add Record
  4. เลือกข้อมูลที่ต้องการเขียน เช่น “Social Networks”
  5. ป้อนข้อมูลที่ต้องการลงไป
  6. กด Write
  7. เอา NFC Tag มาแปะที่ตำแหน่ง
  8. เสร็จเรียบร้อย ข้อมูลดังกล่าวจะบันทึกสำเร็จ ให้ทำการทดลองโดยนำ 
วิธีการทำ NFC Tag เปิด Facebook Instagram

ตัวอย่างการใช้ NFC Tags คู่กับ Apple Shortcuts

ขั้นตอนแรก เราต้องตั้งชื่อให้เจ้า NFC Tag เพราะ NFC Tag แต่ละตัว จะทำงานแตกต่างกัน เช่น

ชื่อ “Timer”: สำหรับ เริ่มการจับเวลา
ชื่อ “Light”: สำหรับเปิดไฟ

How to name NFC Tag วิธี การตั้งชื่อ NFC Tag

ตัวอย่างที่ 1: ใช้ NFC “จับเวลา” ทำอาหาร

ตัวอย่างการใช้งาน: เอา NFC Tag ไว้ที่ครัว เวลาจะตั้งไฟ (เช่นต้มไข่) เอามือถือแตะที่ NFC Tag, จะเป็นการเริ่มการจับเวลา

วิธีการทำ

หลังจากตั้งชื่อให้เจ้า NFC Tag แล้ว, ขั้นตอนต่อไป จะเป็นวิธีการตั้งโปรแกรมการทำงาน

ในขั้นตอนนี้ เราจะบอกมือถือว่า เมื่อมีการสัมผัม NFC Tag ให้เริ่มต้นการจับเวลา… มาเริ่มทำกันเลย!

วิธีการตั้งโปรแกรม “จับเวลา”

ตัวอย่างที่ 2: ใช้ NFC เพื่อ เปิดลำโพง

ตัวอย่างการใช้งาน: เอา NFC Tag ไว้ที่ห้องนั่งเล่น ในตำแหน่งใกล้ลำโพง เอามือถือแตะที่ NFC Tag, จะเป็นการเริ่มเล่นเพลง

ตัวอย่างที่ 2: ใช้ NFC เพื่อ เปิดลำโพง

วิธีการทำ

เริ่มต้นด้วยการตั้งชื่อ NFC Tag ตามวิธีก่อนหน้านี้ และตั้งโปรแกรมตามขั้นตอนเหล่านี้ได้เลย

วิธีการตั้งโปรแกรม “เปิดลำโพง”

NFC คืออะไร

NFC คืออะไร, รู้จัก NFC

NFC Tag คือ อุปกรณ์เก็บข้อมูลขนาดเล็ก โดยไม่ต้องใช้กระแสไฟฟ้า

เราสามารถอ่านข้อมูลบน NFC ได้ง่ายๆ ด้วยมือถือที่รองรับ

และกำหนดให้ มือถือ ทำตามโปรแกรมที่เราตั้งไว้ได้

ปัจจุบัน มี มือถือที่รอบรับ NFC มากกว่า 20%


NFC ย่อมาจาก Near Field Communication เป็นเทคโนโลยีสื่อสารแบบไร้สาย ในระยะใกล้ๆ โดยมีลักษณะดังต่อไปนี้
 
1. ระยะใช้งานใกล้มาก (ระดับ contact) ใกล้ระดับห่างแค่ไม่กี่เซ็นติเมตร
2. ส่งข้อมูลได้ช้ามากๆ โดยอัตราการส่งข้อมูลสูงสุดเพียงแค่ 424 kbps เท่านั้น
3. ใช้พลังงานน้อยมาก

ตัวอย่างการใช้งาน NFC

เนื่องจาก NFC คือเทคโนโลยี ที่ใช้สำหรับการส่งข้อมูลขนาดเล็กๆ (เพราะมีสปีดในการส่งที่ช้ามากๆ) จึงเหมาะกับงานบางประเภทเช่านั้น เช่น

1. การชำระเงิน ใช้แตะเพื่อยืนยันตัวตน

2. เช่น บัตรโดยสารรถไฟฟ้า BTS

3. การใช้จับคู่อุปกรณ์ Bluetooth ต่างๆ

4. การใช้เป็นตัว Trigger สำหรับ งาน Routine ต่างๆ ที่ตั้งไว้ใน SmartHome

ในตัวอย่างที่ 4 นั้น ท่านสามารถดูวิธีการ และตัวอย่าง ได้ที่ลิงค์นี้ครับ (https://smarthomeok.net/ตัวอย่างการใช้งาน-nfc)

Amazon Alexa, Google Home หรือ Apple HomeKit เลือกใครดี

Amazon Alexa, Google Home, Apple HomeKit เลือกใครดี

เมื่อตัดสินใจจะทำ SmartHome แล้ว อุปกรณ์แรกๆ ที่จะจัดหามาใช้งานก็คือ “ลำโพงอัจฉริยะ”

 

ซึ่งยี่ห้อที่ทำ ลำโพงอัจฉริยะ ในตลาดปัจจุบัน มีทั้งหมด 3 ค่าย ได้แก่

  1. Amazon Alexa Echo Dot
  2. Google Nest (หรือ Google Home mini)
  3. Apple HomeKit (Siri)

ในบทความนี้ ขออนุญาตเปรียบเทียบ เฉพาะ Amazon Alexa Echo Dot และ Google Nest (Google Home mini) เท่านั้น เนื่องจากเป็นสินค้าสองตัว ที่ราคาสูสีกัน

 

เราจะเปรียบเทียบกันให้ดูว่า ทั้ง Echo Dot และ Google Home นั้น แตกต่างกันอย่างไร จุดเด่น จุดด้อย คืออะไร และตัวไหนที่เหมาะสมกับคุณ กันครับ

แกะกล่อง Amazon Echo Dot เครื่องญี่ปุ่น

ความเสถียร

จากประสบการณ์ที่ผมเคยใช้มาทั้ง 2 ยี่ห้อ เห็นผลค่อนข้างชัดเจนว่า Amazon Echo Dot มีความเสถียรสูงมากๆ กล้าพูดได้เต็มปากว่า 100% ไม่มีข้อบกพร่อง สั่งปิดไฟ ปิดแอร์ เปิดสวิทช์ ทุกอย่างทำงานถูกต้องหมด ไม่เคยงอแง

 

ในขณะที่เจ้า Google Home พบว่า มีความดื้อ งอแง ค่อนข้างสูง ความไม่เสถียรต่างๆ ประกอบไปด้วย ติดต่อกับอุปกรณ์ IoT ไม่สำเร็จ, ติดต่อสำเร็จแต่สั่งการได้ไม่ครบ (ปิดไฟแค่บางดวง) ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาเหล่านี้ มีความวุ่นวายมาก ต้อง Pair Google Home กับอุปกรณ์ IoT ใหม่เท่านั้น แล้วสักพักก็เป็นอีก

ให้คะแนน

  • 🏆 Amazon Echo Dot: 5/5 คะแนน
  • Google Home: 3/5 คะแนน 

Application ในการจัดการ

ทั้ง Amazon Alexa และ Google Home ต่างก็มี Application ในการจัดการเหมือนกัน ดังรูปประกอบด้านล่าง

Amazon Alexa App
Google Home Application

ซึ่ง Application ทั้งสองตัว มีฟีเจอร์ต่างๆ ที่คล้ายคลึงกันมาก ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มอุปกรณ์เชื่อมต่อ, การจัดห้อง, การเปลี่ยนสีหลอดไฟ, การควบคุมอุปกรณ์อื่นๆ, หรือการ เพิ่มความสามารถให้อุปกรณ์ (Alexa Skills, Google Assistance Action)

อย่างไรก็ตาม มีสิ่งที่แตกต่าง ระหว่างสองยี่ห้อนี้เล็กน้อย

  • Amazon Alexa จะ มี Feature Scence ที่ทำให้เราปรับแต่งชุดคำสั่งต่างๆ ได้สะดวกกว่า (เช่น ตั้ง Movie Night Scence เพื่อเปลี่ยนไฟเป็นสีส้ม และหรี่ไฟลง) และยังมี Feature Blueprint ที่ให้เราสร้างการโต้ตอบกับลำโพงได้ดั่งใจเรา
  • ในขณะที่ Google Home ก็มีการใช้งานที่ค่อนข้างสะดวก เช่นกัน แต่ต้องใช้ร่วมกับ Application Google Assitance

ให้คะแนน

  • Amazon Echo Dot: 4/5 คะแนน
  • Google Home: 4/5 คะแนน

ความสวยงาม

Amazon Echo Dot
Google Home Google Nest

 

การออกแบบ แม้ลำโพงของทั้งสองตัว จะมีลักษณะคล้ายๆ กัน แต่ก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกันอยู่มาก

 

Amazon Echo Dot เป็นทรงกระบอกขอบมน และมีไฟเป็นรูปวงแหวนอยู่ทางด้านบน ซึ่งไฟดวงนี้ มีสีต่างๆ คอยบอกสถานะ เช่น มีข้อความใหม่ จะเป็นสีเหลือง, หรือสีเขียว คือมีสายโทรเข้า

 

นอกจากนี้ เวลาเราเรียกเจ้า  Echo Dot, ไฟวงแหวนจะสว่างในตำแหน่งทิศทางเดียวกับที่เราเรียกอีกด้วย ดูสวยงามมากครับ

 

ด้านบน จะมีปุ่มกดต่างๆ ทั้งหมด 4 ปุ่ม คือ เพิ่ม/ลด เสียง, Mute Microphone และ Action เรียก Echo Dot ให้ทำงาน

 

Google Home ลักษณะเป็นทรงกลมท้วมๆ เหมือนรังนก (Google Nest) มีไฟสีจุด คอยบ่งบอกการทำงาน

 

การปรับเพิ่มลดเสียง จะใช้ระบบสัมผัส (เคาะๆ) ด้านข้างของเครื่อง และมีปุ่ม Mute Microphone เป็น Physical Button อยู่ด้านข้าง

ให้คะแนน

  • 🏆 Amazon Echo Dot: 5/5 คะแนน ด้วยขนาดกระทัดรัด และไฟวงแหวนที่บอกสถานะการทำงาน และปุ่มกดบนตัวเครื่อง ช่วยให้บางจังหวะ ใช้งานสะดวกมากขึ้น
  • Google Home: 4/5 มีความสวยงามแบบ และ Minimal วางในตำแหน่งไหนในบ้าน ก็ดูลงตัว

ความสะดวกในการใช้งาน

จากประสบการณ์ในการใช้งาน ส่วนตัวพบว่า Amazon Alexa มีการตอบสนองต่อ Wake Word ที่ไวกว่ามาก และตัวลำโพงมีเสียงที่ดีกว่า และยัง Support Apple Music อีกด้วย

 

นอกจากนี้เวลาสั่งงาน Echo Dot แบบชุดคำสั่ง เช่น เปิดไฟ เปิดแอร์ เปิดทีวี ก็มีความรวดเร็วมาก และยังทำทุกคำสั่งพร้อมกัน

 

ในขณะที่ Google Home จะทำเรียงลำดับตามที่เรากำหนดไว้ หากชุดคำสั่งยาว ก็จะใช้เวลาค่อนข้างนาน

 

อย่างไรก็ตาม Google Home มีจุดเด่นก็คือ Support ภาษาไทย และสามารถใช้ร่วมกับ Google Service อื่นๆ เช่น Google Maps, Google Calendar อีกด้วย (แต่ไม่รองรับ Apple Music)

ให้คะแนน

  • Amazon Echo Dot: 4/5
  • Google Home: 4/5
  • ขอให้คะแนนเท่ากัน เนื่องจาก ทั้งสองตัว มีข้อดีข้อเสียที่สูสี ขึ้นอยู่กับว่า เราใช้ Services ของตัวไหน มากกว่ากัน

บทสรุป

การเลือก Platform เริ่มต้น เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเราจะ Lock กับ Platform นั้นๆ ไปตลอด และค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยน Platform มีราคาค่อนข้างสูง

ส่วนตัวแล้ว จากประสบการณ์ที่ผมลองใช้มาทั้งสองยี่ห้อ ขอเลือก Platform ของ Amazon Alexa Echo Dot เป็น Platform ประจำบ้าน Smart Home ของผมครับ

อันเนื่องมาจาก ความเสถียรในการใช้งาน และ ความรวดเร็วในการตอบสนอง เป็นข้อสำคัญหลักๆ เลย  

เพราะหากการควบคุมไม่เสถียร จะเกิดปัญหาน่าหงุดหงิดกวนใจตามมา ซึ่งเป็นอะไรที่จุกจิก และแก้ปัญหาค่อนข้างยากครับ

อย่างไรก็ตาม ทาง SmartHomeOK.net เลือก ขายทั้ง Amazon Echo Dot และ Google Home Mini (Google Nest) ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ที่ร้านค้าของเรา https://smarthomeok.net/shop 

นอกจากลำโพงจากค่ายทางฝั่ง Technology แล้ว ทาง Brand ฝั่งเครื่องเสียงเอง ก็เริ่มมีการ Integrate ความสามารถของ Alexa เข้าไปด้วยเหมือนกัน เช่น ลำโพง Marshall รุ่น Acton 2 Voice หากสนใจ สามารถ เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ Link นี้ครับ หรือคลิกดู YouTube ด้านล่างได้เลย

Amazon Alexa Echo Dot Getting Start

คู่มือเริ่มต้นใช้งาน Amazon Alexa Echo Dot ในประเทศไทย

เริ่มต้นใช้งาน Amazon Alexa Echo Dot

Amazon Alexa Echo Dot Getting Start
  1. Download App Amazon Alexa ลงบนมือถือ
  2. เสียบปลั๊กเครื่อง Amazon Echo Dot
  3. เปิด App Amazon Alexa และทำตามขั้นตอนใน App
  4. ถ้าไม่มีอะไรขึ้นมา ให้กดปุ่ม Devices และ Add Device
  5. ทดสอบการทำงาน เช่น
    • “Alexa, give me tutorial”
    • “Alexa, set timer for 2 minutes”
 

แกะกล่อง Amazon Echo Dot เครื่องญี่ปุ่น