หลอดไฟอัจฉริยะ แบบสี เปรียบเทียบหลอดไฟอัจฉริยะ ยี่ห้อไหน สว่างที่สุด

หลอดไฟอัจฉริยะ แบบสี ยี่ห้อไหน สว่างที่สุด

ในการปรับปรุงบ้าน, แต่งบ้าน หลอดไฟ LED เป็นอุปกรณ์หลักตัวหนึ่ง ที่เราใช้ให้ความสว่าง และหลอดไฟอัจฉริยะ แบบสี ก็เป็นตัวเลือกที่ดี ในการทำบ้าน Smart Home ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ในการสั่งงานด้วยเสียง ผ่านระบบ Assistant ต่างๆ เช่น Amazon Alexa, Google Home หรือ Apple HomeKit และยังช่วยปรับเปลี่ยนบรรยากาศภายในห้อง ด้วยสีสันต่างๆ ของหลอดไฟ

แต่จะใช้หลอดไฟยี่ห้อไหนดีหละ ที่ทั้งคุ้มค่า สว่างเพียงพอ ?

ในบทความนี้ ผมได้ทำการทดลอง เพื่อเปรียบเทียบ หลอดไฟอัจฉริยะ แบบสี (Smart LED Light Bulb Color) ว่า หลอดไฟของยี่ห้อไหน จะให้ความสว่างมากที่สุด และคุ้มค่าราคามากที่สุด

โดยในการทดลองนี้ ผมได้ประดิษฐ์ เครื่องวัดความสว่าง โดยใช้บอร์ด Arduino และ LDR Photoresistor หรือตัวต้านทานไวแสง เพื่อแปรความสว่าง ออกมาเป็นตัวเลขที่ใช้วัดค่าได้ โดยตัวเลขที่มีค่ามาก หมายถึงสว่างมาก และตัวเลขที่มีค่าน้อย หมายถึงสว่างน้อย

สอนทำ เครื่องวัดค่าความสว่าง ด้วยบอร์ด Arduino และ LDR Photoresistor
เครื่องวัดความสว่าง ด้วยบอร์ด Arduino และ LDR Photoresistor โดยค่าน้อย หมายถึงสว่างน้อย และค่ามาก หมายถึงมีความสว่างมาก

สำหรับใครที่สนใจ วิธีการประดิษฐ์เครื่องวัดความสว่างโดยใช้ บอร์ด Arduino สามารถดูได้ที่ Link นี้ (TODO)

ยี่ห้อหลอดไฟอัจฉริยะ ที่นำมาทดลอง

เปรียบเทียบ ความสว่างของหลอดไฟ 7 ยี่ห้อ
ยี่ห้อราคาซื้อได้ที่
Philips Hue1,790 บาทร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำ
Xiaomi Yeelight 1S489 บาทOnline Store
Lampton389 บาทไทวัสดุ, Homepro
WiZ A60580 บาทร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำ
Tapo399 บาทPowerbuy
HiTek419 บาทGlobal House
Eve479 บาทAIS Smart Home Section

การทดลองนี้ “ไม่มี SPONSOR” นะคร้าบบบ

สรุปผลการทดลอง

เราจะทดลองหลอดไฟแต่ละยี่ห้อ ด้วยการเปิดไฟทั้งหมด 4 แบบ ได้แก้ ไฟแสงขาว (Cool white), ไฟสีแดง, ไฟสีเขียว และไฟสีฟ้า โดยผลการทดลองเป็นดังนี้

หลอดไฟอัจฉริยะ Philips Hue

Philips Hue

หลอดไฟอัจฉริยะ Yeelight 1S

หลอดไฟอัจฉริยะ Yeelight 1S

หลอดไฟอัจฉริยะ Lampton

หลอดไฟอัจฉริยะ Lampton

หลอดไฟอัจฉริยะ WiZ A60

หลอดไฟอัจฉริยะ WiZ A60

หลอดไฟอัจฉริยะ Tapo

หลอดไฟอัจฉริยะ Tapo

หลอดไฟอัจฉริยะ Hi-Tek

หลอดไฟอัจฉริยะ Hi-Tek

หลอดไฟอัจฉริยะ Eve EV03

หลอดไฟอัจฉริยะ Eve EV03

สรุปผลแบบตาราง

ยี่ห้อแสงขาวRedGreenBlueWattsPrice
Philips Hue*4941202210W1,790*
Yeelight 1S503425248.5W489
Lampton 10W5818161610W389
Wiz A60562922219W580
Tapo L530E463124228.7W399
HiTek571312129W419
Eve EV035533262510W479
* Philips Hue เป็นราคาที่ยังไม่รวม Philips Hue Bridge ที่ต้องใช้คู่กัน และเป็นหลอดไฟเดียว ที่มีความสามารถอื่นๆ มากที่สุด

แบบใช้งานจริง

สีขาว (Cool White)
สีขาว (Warm White)
สีแดง
สีเขียว
สีฟ้า

หมายเหตุ
* ข้อดีของ Eve คือ ใช้ App Tuya/Smart Life เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นได้ง่าย แต่เวลาเปิด, ปิด เปลี่ยนสี จะทำแบบค่อยๆ เปลี่ยน ไม่ได้ (Gradually increase/decrease)

ส่งท้าย

จากผลการทดลอง เราก็จะเห็นว่า หลอดไฟอัจฉริยะต่างๆ นั้น ให้ค่าความสว่าง ของแสงสีขาว และแสงสีอื่นๆ ไม่เท่ากัน

นอกจากนี้ ความสว่าง ยังเป็นข้อมูลเพียงชุดเดียว ในการใช้พิจารณาการตัดสินใจเลือกใช้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องคำนึงถึง เช่น ความสามารถต่างๆ ความสะดวกในการใช้งาน การดูแลรักษา และอายุการใช้งาน ดังนั้น โปรดใช้บทความนี้ เพื่อประกอบการพิจารณาเท่านั้น

หากชอบ Content ดีๆ แบบนี้ สามารถให้กำลังใจได้โดยการ Subscribe YouTube Channel PorTV ปอทีวี (https://www.youtube.com/channel/UCFW4SKhsLNZPygW3GOUBh_A)

ขอบพระคุณครับ

FAQ, Troubleshooting การแก้ปัญหาเบื้องต้น Alexa Echo Dot

FAQ, Troubleshooting การแก้ไขปัญหา Alexa Echo Dot เบื้องต้น

ปัญหาที่ 1: ไม่สามารถเพิ่ม Echo Device ลง App ได้

Cannot add alexa echo

ปัญหานี้ ที่พบส่วนใหญ่ จะเกิดกับผู้ใช้ iOS เป็นหลัก ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่วิธีแก้คร่าวๆ มีดังนี้

  1. ให้ Add Echo Device ผ่าน https://alexa.amazon.com/ ชั่วคราว
  2. เมื่อ Add สำเร็จแล้ว ให้ทำการ Logout และ Login ที่ Alexa App อีกครั้งหนึ่ง หน้าตา Application จะเปลี่ยนไป
หากวิธีดังกล่าวไม่ได้ผล ให้ทำการเปลี่ยน “Country / Region Setting” เป็น United States ตามวิธีการด้านล่างนี้
https://smarthomeok.net/spotify-alexa-geographical-restrictions/

ปัญหาที่ 2: ไม่สามารถใช้ Spotify บน Alexa ได้

ใครที่เจอปัญหาใช้ Spotify กับ Alexa แล้วขึ้นว่า “You are not eligible to enable this skill due to geographical restrictions.” ดังรูปประกอบ สามารถติดตามบทความนี้ เพื่อดูวิธีแก้ได้เลยครับ

https://smarthomeok.net/spotify-alexa-geographical-restrictions/

NFC คืออะไร

NFC คืออะไร, รู้จัก NFC

NFC Tag คือ อุปกรณ์เก็บข้อมูลขนาดเล็ก โดยไม่ต้องใช้กระแสไฟฟ้า

เราสามารถอ่านข้อมูลบน NFC ได้ง่ายๆ ด้วยมือถือที่รองรับ

และกำหนดให้ มือถือ ทำตามโปรแกรมที่เราตั้งไว้ได้

ปัจจุบัน มี มือถือที่รอบรับ NFC มากกว่า 20%


NFC ย่อมาจาก Near Field Communication เป็นเทคโนโลยีสื่อสารแบบไร้สาย ในระยะใกล้ๆ โดยมีลักษณะดังต่อไปนี้
 
1. ระยะใช้งานใกล้มาก (ระดับ contact) ใกล้ระดับห่างแค่ไม่กี่เซ็นติเมตร
2. ส่งข้อมูลได้ช้ามากๆ โดยอัตราการส่งข้อมูลสูงสุดเพียงแค่ 424 kbps เท่านั้น
3. ใช้พลังงานน้อยมาก

ตัวอย่างการใช้งาน NFC

เนื่องจาก NFC คือเทคโนโลยี ที่ใช้สำหรับการส่งข้อมูลขนาดเล็กๆ (เพราะมีสปีดในการส่งที่ช้ามากๆ) จึงเหมาะกับงานบางประเภทเช่านั้น เช่น

1. การชำระเงิน ใช้แตะเพื่อยืนยันตัวตน

2. เช่น บัตรโดยสารรถไฟฟ้า BTS

3. การใช้จับคู่อุปกรณ์ Bluetooth ต่างๆ

4. การใช้เป็นตัว Trigger สำหรับ งาน Routine ต่างๆ ที่ตั้งไว้ใน SmartHome

ในตัวอย่างที่ 4 นั้น ท่านสามารถดูวิธีการ และตัวอย่าง ได้ที่ลิงค์นี้ครับ (https://smarthomeok.net/ตัวอย่างการใช้งาน-nfc)

Amazon Alexa, Google Home หรือ Apple HomeKit เลือกใครดี

Amazon Alexa, Google Home, Apple HomeKit เลือกใครดี

เมื่อตัดสินใจจะทำ SmartHome แล้ว อุปกรณ์แรกๆ ที่จะจัดหามาใช้งานก็คือ “ลำโพงอัจฉริยะ”

 

ซึ่งยี่ห้อที่ทำ ลำโพงอัจฉริยะ ในตลาดปัจจุบัน มีทั้งหมด 3 ค่าย ได้แก่

  1. Amazon Alexa Echo Dot
  2. Google Nest (หรือ Google Home mini)
  3. Apple HomeKit (Siri)

ในบทความนี้ ขออนุญาตเปรียบเทียบ เฉพาะ Amazon Alexa Echo Dot และ Google Nest (Google Home mini) เท่านั้น เนื่องจากเป็นสินค้าสองตัว ที่ราคาสูสีกัน

 

เราจะเปรียบเทียบกันให้ดูว่า ทั้ง Echo Dot และ Google Home นั้น แตกต่างกันอย่างไร จุดเด่น จุดด้อย คืออะไร และตัวไหนที่เหมาะสมกับคุณ กันครับ

แกะกล่อง Amazon Echo Dot เครื่องญี่ปุ่น

ความเสถียร

จากประสบการณ์ที่ผมเคยใช้มาทั้ง 2 ยี่ห้อ เห็นผลค่อนข้างชัดเจนว่า Amazon Echo Dot มีความเสถียรสูงมากๆ กล้าพูดได้เต็มปากว่า 100% ไม่มีข้อบกพร่อง สั่งปิดไฟ ปิดแอร์ เปิดสวิทช์ ทุกอย่างทำงานถูกต้องหมด ไม่เคยงอแง

 

ในขณะที่เจ้า Google Home พบว่า มีความดื้อ งอแง ค่อนข้างสูง ความไม่เสถียรต่างๆ ประกอบไปด้วย ติดต่อกับอุปกรณ์ IoT ไม่สำเร็จ, ติดต่อสำเร็จแต่สั่งการได้ไม่ครบ (ปิดไฟแค่บางดวง) ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาเหล่านี้ มีความวุ่นวายมาก ต้อง Pair Google Home กับอุปกรณ์ IoT ใหม่เท่านั้น แล้วสักพักก็เป็นอีก

ให้คะแนน

  • 🏆 Amazon Echo Dot: 5/5 คะแนน
  • Google Home: 3/5 คะแนน 

Application ในการจัดการ

ทั้ง Amazon Alexa และ Google Home ต่างก็มี Application ในการจัดการเหมือนกัน ดังรูปประกอบด้านล่าง

Amazon Alexa App
Google Home Application

ซึ่ง Application ทั้งสองตัว มีฟีเจอร์ต่างๆ ที่คล้ายคลึงกันมาก ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มอุปกรณ์เชื่อมต่อ, การจัดห้อง, การเปลี่ยนสีหลอดไฟ, การควบคุมอุปกรณ์อื่นๆ, หรือการ เพิ่มความสามารถให้อุปกรณ์ (Alexa Skills, Google Assistance Action)

อย่างไรก็ตาม มีสิ่งที่แตกต่าง ระหว่างสองยี่ห้อนี้เล็กน้อย

  • Amazon Alexa จะ มี Feature Scence ที่ทำให้เราปรับแต่งชุดคำสั่งต่างๆ ได้สะดวกกว่า (เช่น ตั้ง Movie Night Scence เพื่อเปลี่ยนไฟเป็นสีส้ม และหรี่ไฟลง) และยังมี Feature Blueprint ที่ให้เราสร้างการโต้ตอบกับลำโพงได้ดั่งใจเรา
  • ในขณะที่ Google Home ก็มีการใช้งานที่ค่อนข้างสะดวก เช่นกัน แต่ต้องใช้ร่วมกับ Application Google Assitance

ให้คะแนน

  • Amazon Echo Dot: 4/5 คะแนน
  • Google Home: 4/5 คะแนน

ความสวยงาม

Amazon Echo Dot
Google Home Google Nest

 

การออกแบบ แม้ลำโพงของทั้งสองตัว จะมีลักษณะคล้ายๆ กัน แต่ก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกันอยู่มาก

 

Amazon Echo Dot เป็นทรงกระบอกขอบมน และมีไฟเป็นรูปวงแหวนอยู่ทางด้านบน ซึ่งไฟดวงนี้ มีสีต่างๆ คอยบอกสถานะ เช่น มีข้อความใหม่ จะเป็นสีเหลือง, หรือสีเขียว คือมีสายโทรเข้า

 

นอกจากนี้ เวลาเราเรียกเจ้า  Echo Dot, ไฟวงแหวนจะสว่างในตำแหน่งทิศทางเดียวกับที่เราเรียกอีกด้วย ดูสวยงามมากครับ

 

ด้านบน จะมีปุ่มกดต่างๆ ทั้งหมด 4 ปุ่ม คือ เพิ่ม/ลด เสียง, Mute Microphone และ Action เรียก Echo Dot ให้ทำงาน

 

Google Home ลักษณะเป็นทรงกลมท้วมๆ เหมือนรังนก (Google Nest) มีไฟสีจุด คอยบ่งบอกการทำงาน

 

การปรับเพิ่มลดเสียง จะใช้ระบบสัมผัส (เคาะๆ) ด้านข้างของเครื่อง และมีปุ่ม Mute Microphone เป็น Physical Button อยู่ด้านข้าง

ให้คะแนน

  • 🏆 Amazon Echo Dot: 5/5 คะแนน ด้วยขนาดกระทัดรัด และไฟวงแหวนที่บอกสถานะการทำงาน และปุ่มกดบนตัวเครื่อง ช่วยให้บางจังหวะ ใช้งานสะดวกมากขึ้น
  • Google Home: 4/5 มีความสวยงามแบบ และ Minimal วางในตำแหน่งไหนในบ้าน ก็ดูลงตัว

ความสะดวกในการใช้งาน

จากประสบการณ์ในการใช้งาน ส่วนตัวพบว่า Amazon Alexa มีการตอบสนองต่อ Wake Word ที่ไวกว่ามาก และตัวลำโพงมีเสียงที่ดีกว่า และยัง Support Apple Music อีกด้วย

 

นอกจากนี้เวลาสั่งงาน Echo Dot แบบชุดคำสั่ง เช่น เปิดไฟ เปิดแอร์ เปิดทีวี ก็มีความรวดเร็วมาก และยังทำทุกคำสั่งพร้อมกัน

 

ในขณะที่ Google Home จะทำเรียงลำดับตามที่เรากำหนดไว้ หากชุดคำสั่งยาว ก็จะใช้เวลาค่อนข้างนาน

 

อย่างไรก็ตาม Google Home มีจุดเด่นก็คือ Support ภาษาไทย และสามารถใช้ร่วมกับ Google Service อื่นๆ เช่น Google Maps, Google Calendar อีกด้วย (แต่ไม่รองรับ Apple Music)

ให้คะแนน

  • Amazon Echo Dot: 4/5
  • Google Home: 4/5
  • ขอให้คะแนนเท่ากัน เนื่องจาก ทั้งสองตัว มีข้อดีข้อเสียที่สูสี ขึ้นอยู่กับว่า เราใช้ Services ของตัวไหน มากกว่ากัน

บทสรุป

การเลือก Platform เริ่มต้น เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเราจะ Lock กับ Platform นั้นๆ ไปตลอด และค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยน Platform มีราคาค่อนข้างสูง

ส่วนตัวแล้ว จากประสบการณ์ที่ผมลองใช้มาทั้งสองยี่ห้อ ขอเลือก Platform ของ Amazon Alexa Echo Dot เป็น Platform ประจำบ้าน Smart Home ของผมครับ

อันเนื่องมาจาก ความเสถียรในการใช้งาน และ ความรวดเร็วในการตอบสนอง เป็นข้อสำคัญหลักๆ เลย  

เพราะหากการควบคุมไม่เสถียร จะเกิดปัญหาน่าหงุดหงิดกวนใจตามมา ซึ่งเป็นอะไรที่จุกจิก และแก้ปัญหาค่อนข้างยากครับ

อย่างไรก็ตาม ทาง SmartHomeOK.net เลือก ขายทั้ง Amazon Echo Dot และ Google Home Mini (Google Nest) ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ที่ร้านค้าของเรา https://smarthomeok.net/shop 

นอกจากลำโพงจากค่ายทางฝั่ง Technology แล้ว ทาง Brand ฝั่งเครื่องเสียงเอง ก็เริ่มมีการ Integrate ความสามารถของ Alexa เข้าไปด้วยเหมือนกัน เช่น ลำโพง Marshall รุ่น Acton 2 Voice หากสนใจ สามารถ เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ Link นี้ครับ หรือคลิกดู YouTube ด้านล่างได้เลย